събота, 3 март 2018 г.

Nikola Benin. วัดร่องเสือเต้น เชียงราย Wat Rong Seur-Ten in Chiang Rai, Thailand

Д-р Никола Бенин

Снимка

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ วัดร่องเสือเต้น .ริมกก .เมือง .เชียงราย พบพระวิหารหลังใหม่ ที่มีศิลปะที่มีความสวยงดงามแปลกตา เป็นศิลปะประยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้เฉดสีเป็นสีน้ำเงินฟ้า รูปแบบของศิลปะส่วนหนึ่งมีความคล้ายกับผลงานของ .เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ .ถวัลย์ ดัชนีย์ สองศิลปินแห่งชาติชื่อดังชาวเชียงรายที่รังสรรค์ผลงานอยู่ที่วัดร่องขุ่น .ป่าอ้อดอนชัย และพิพธภัณฑ์บ้านดำ .นางแล .เมือง .เชียงราย รวมอยู่ด้วย ผลงานดังกล่าวเป็นฝีมือการรังสรรค์ของ นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ .เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ปี

“วัดร่องเสือเต้น” ตั้งอยู่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก ฝั่งด้านซ้ายทางทิศตะวันออกของเทศบาลนครเมืองเชียงราย ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดร้าง ก่อนจะพบเห็นเศษซากอิฐโบราณสถานในวัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เมื่อ 80-100 ปีก่อน จากคำบอกเล่าของคนถ้าคนแก่ เล่าว่าในสมัยนั้นยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนอาศัยอยู่มากนัก สัตว์ป่าจึงมีจำนวนมากโดยเฉพาะเสือ ชาวบ้านที่ผ่านแถวนั้นมักชอบเห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้ำไปมาตรงที่แห่งนี้ จึงเรียกบริเวณนี้ต่อๆ กันมาว่า “ร่องเสือเต้น” รวมทั้งได้เรียกหมู่บ้านใกล้เคียงบริเวณนี้ว่า “บ้านร่องเสือเต้น” อีกด้วย
       
       วัดร่องเสือเต้นถูกสร้างขึ้นเนื่องจากชาวบ้านร่องเสือเต้น ไม่มีที่ทำบุญในหมู่บ้าน เวลาทำบุญในวันสำคัญต้องไปทำบุญที่วัดอื่นทำให้คนในหมู่บ้านต่างกระจัดกระจายกันไป จึงได้ร่วมกันประชุมศึกษาคิดจะบูรณะวัดร้างตรงบริเวณนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านร่องเสือเต้น และเป็นที่ประกอบพระพุทธศาสนาในวันสำคัญ จึงบูรณะสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นและให้ชื่อว่า “วัดร่องเสือเต้น”  

ซึ่งความโดดเด่นของวัด อยู่ที่ “วิหารวัดร่องเสือเต้น” ได้เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 โดยมีขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 48 เมตร สร้างเสร็จเมิ่อ วันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมาปีนี้ ความโดดเด่นอย่างแรกที่เห็นเมื่อมาอย่างวัดแห่งนี้ นั่นคือ วิหารที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ เพราะใช้โทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองเพิ่มความโดดเด่น โดยสีน้ำเงินฟ้าของตัววิหารนั้นแสดงถึงธรรมะของค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่ขจรขจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงตามหลักเหตุและผลเปรียบเสมือนดังท้องฟ้าที่สดใส เป็นศิลปแนววพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ แสดงถึงการชักนำชาวพุทธให้หันกลับมาเข้าวัด และศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 

ส่วนข้างหน้าพระวิหารนั้น จะมี “พญานาค” ตัวใหญ่ 2 ตัว อยู่คู่กัน ซึ่งเป็นศิลปะที่ สล่านก ได้นำเอารูปแบบผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างบ้านดำ จ.เชียงราย นำมาประยุกต์ อาจารย์ถวัลย์นั้นขึ้นชื่อในเรื่องศิลปะเขา และงา จึงได้นำตรงนี้มาประยุกต์ใช้สร้างขึ้นโดยเฉพาะอวัยวะส่วนที่เป็นฟันพญานาค จะเห็นได้ว่ามีความโค้งงอสวยงามและมีความแหลมคม พญานาคที่นี่จึงดูมีความสวยงาม พลิ้วไหว และน่าเกรงขามไปในตัว 




    ส่วนภายในตัววิหารนั้น เมื่อเข้ามาจะพบเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังอลังการที่อยู่รอบทั่วภายใน ซึ่งเป็นภาพวิจิตรที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติต่างๆ ลายเส้นของตัวภาพนั้นจะมีความอ่อนช้อยสวยงาม ตามแบบฉบับของคนวาด และอีกหนึ่งที่งดงามอย่างยิ่งที่ต้องพูดถึง นั่นคือพระประธานที่ชื่อว่า “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ" พระประธานสิงห์หนึ่งสีขาวมุก ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร โดยมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่หมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก” ซึ่งทำให้ใครหลายคนต่างพาศรัทธาสักการะเพื่อสิริมงคลในชีวิตให้กับตัวเองอีกด้วย 

Няма коментари:

Публикуване на коментар